วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

วังเวียง สปป.ลาว ที่ไม่ได้ไปเพียงลำพัง...

สวัสดีครับ...ครั้งนี้เป็นสถานที่แห่งที่ 6 และจะเป็นครั้งพิเศษครับ ที่ไม่ได้ไปคนเดียว 555+

 โดยครั้งนี้ เรายังคงอยู่ที่ "ประเทศลาว" เช่นเดิมครับ (อยู่ลาวมา 3 บทความติดกันเลยทีเดียว 555+) และที่สำคัญบทความนี้จะเป็นบทความแรกที่ผมไม่ได้ไปคนเดียว หึหึ มีเพื่อนอาสาไปด้วย 1 นายครับ สถานที่นั้นคือ "วังเวียง" ประเทศลาว นั่นเองครับ เมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ สวยงามและบรรยากาศดี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศลาวเลยครับ คนไทยและชาวต่างชาตินิยมไปกันเยอะมากครับ ครั้งนี้ผมเดินทางเย็นวันศุกร์ไปนอนอุดรธานี 1 คืน เช้าก็เดินทางต่อข้ามไปประเทศลาวพักที่วังเวียง 2 คืน กลับวันจันทร์ ครับ รวมการเดินทางทั้งหมด 3 วัน 3 คืน ครับ ลองมาตามดูกันครับ


การเดินทางครั้งนี้... ผมออกจากกรุงเทพฯ คนเดียว เพราะเพื่อนมาจากเชียงใหม่ ผมก็ยังใช้บริการสายการบินนกแอร์เช่นเดิมครับ เพราะมีตารางบินตรงตามที่ต้องการพอดี คือไปเย็นวันศุกร์ กลับคืนวันจันทร์ครับ (แต่ตอนมาดอนเมืองก็แอบระทึกเหมือนกันครับ กลัวตกเครื่อง เพราะรถและคนกำลังเริ่มจะเยอะแล้วครับ 555+ ดังนั้นใครจะตามรอย ก็เผื่อเวลาจุดนี้ให้ดีๆ ครับ)


ลงเครื่องเสร็จก็หารถเข้าเมืองครับ เพื่อนที่บินมาจากเชียงใหม่ก็มาถึงไล่เลี่ยกัน ก็ได้รถตู้หน้าตาแบบรูปข้างล่างครับ (ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เลยไปยืมรูปชาวบ้านมา ตามเครดิตครับ 555+) นั่งเข้าเมืองตามจุดหมายของเรา เขาจะวนไปส่งครับ ตกคนละ 80 บาท


ผมได้ทำการจอง "โรงแรมเจริญ" ผ่าน Agoda ไว้แล้วก่อนมา เนื่องจากคืนนี้เราจะนอนที่อุดรฯ กันก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางไปวังเวียงกันครับ (ขอบคุณรูปโรงแรมจาก Google map)


ใครอยากตามรอบผมที่โรงแรมนี้ก็คลิกจองกับ Agoda ที่รูปด้านล่างเลยครับ


วางแผนไว้ว่า...ตื่นเช้าเราค่อยไปซื้อตั๋วรถทัวร์อุดร-วังเวียง ที่ขนส่งอุดรธานี ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ประมาณ 500 เมตร ตามแผนที่ด้านล่างครับ 


เพื่อความชัวร์ หลังจากเก็บของเข้าห้องเรียบร้อย เราก็เดินไปดูสถานที่ขายตั๋วพรุ่งนี้เช้ากันก่อน


โอเค สถานที่เป็นแบบนี้ เวลารถ 08:30 น. ค่ารถ 320 บาท จำไว้ 


สภาพรถที่จะนั่งไปเป็นแบบนี้ ก็โอเคนะ คันใหญ่ ใช้ได้ >-<

(ทั้งสามรูปข้างบน ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เลยขอยืมรูปมาจากพันทิพย์ตามเครดิตครับผม แฮ่ะๆ)

เมื่อทุกอย่างเหมือนจะลงตัวหมดแล้ว ก็ได้เวลาไปหาของกิน อากาศเย็นๆ แบบนี้ก็ต้อง "จิ้มจุ๋ม" สิครับ เดินกลับมาทางโรงแรม แล้วเดินเลยไปหน่อย จะมีร้านริมถนนอยู่ (ตามแผนที่ด้านบน)


บวกกับเบียร์เย็นๆ มันเป็นอะไรที่ฟิลล์มากครับ 555+


อิ่มแล้วก็กลับมานอนพักเอาแรง

*** จบแรกแบบ Happy ***

--------------------------------

วันที่ 2 (วันเสาร์)

เช้าวันเสาร์ ตื่นแต่เช้ามืด ตี 5 เพื่อไปจองตั๋วรถทัวร์ที่ขนส่งฯ ปรากฏว่า... คนเป็นล้านนน ต่อแถวยาวมาก คาดว่ารถน่าจะเต็มครับพี่น้อง แล้วเราจะทำยังไงหล่ะ ที่วางแผนมารวนไปหมด 555+ สุดท้ายก็ต้องรีบกลับโรงแรมไปเก็บของแล้วต่อรถตู้ไปลงที่ด่านผ่านแดนสะพานมิตรภาพ หนองคาย เพื่อไปหารถที่ด่านต่อไปวังเวียง ทำเรื่องผ่านแดนเสร็จแล้ว โชคดีมี น้องๆ กลุ่มหนึ่ง 4 คน อีกกลุ่ม 2 คน และพี่อีกกลุ่ม 2 คน รวมพวกเรา 2 คน ที่เจอกันโดยบังเอิญที่ด่านซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน รวมกลุ่มกันเป็น 10 คน เพื่อเหมารถไปวังเวียง ตกลงราคาได้รถตู้อย่างดี 9 ที่นั่ง +1 (ข้างคนขับ) ในราคา 3,500 บาท (ตกคนละ 350) ถือว่าถูกพอสมควร (คิดในใจ เราโชคดีจัง) แต่... เรื่องราวไม่จบอย่างสวยงามครับ รถตู้คันดังกล่าวพามาเท ที่ ขนส่งสายเหนือของลาว ที่อยู่ถัดมาจากด่านประมาณ 30 กม. (ตามแผนที่) แล้วไปติดต่อซื้อตั๋วรถประจำทางให้พวกเรา 555+ ขำในชะตากรรมของตัวเอง


โวยวายกันซักพัก เขาก็หารถตู้แบบในรูปมาให้เรานั่งไปวังเวียงแทนครับ 
(ด้วยความชุลมุน เลยไม่ได้ถ่ายภาพรถมา จึงต้องไปหยิบยืมจากเว็บไซต์มาเช่นเดิม แฮ่ๆ ตามเครดิตครับ)


สภาพคือ "อัดกันเป็นปลากระป๋อง" ครับ 10 คน แต่ก็ถือว่าซื้อบทเรียนกันไป บ่นซักหน่อย พวกเราก็กลับมาเฮฮากันต่อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ไปถึงวังเวียงครับ


จากนั้นพวกเราทั้ง 10 ชีวิตก็ล่ำลา แยกย้ายกันไปตามที่พักที่ทุกคนได้จองไว้ก่อนหน้าจะมา ผมและเพื่อนจอง Grand View Guesthouse ไว้ครับ ราคาถูกดีครับ (2 วัน พันนิดๆ)


สภาพห้องนอนก็โอเคครับ นอนได้สบาย อากาศเย็นกำลังพอดี ไม่ต้องมีแอร์ก็ได้ 555+

(ผมไม่ได้ถ่ายรูปที่พักไว้เลยไปยืมรูปมาจาก Google map เช่นเคย)


ใครอยากตามรอบผมที่โรงแรมนี้ก็คลิกจองกับ Agoda ที่รูปด้านล่างเลยครับ


หลังจากเก็บของแล้ว ตอนนี้เป็นเวลา 16:00 น. ยังไม่ค่ำเลย ออกไปหาเดินเล่นกันดีกว่า สถานที่แต่ละแห่งที่เดินไปในวันนี้ ตามแผนที่ด้านล่างเลยครับ


จากที่พักออกมานิดหน่อย เลี้ยวขวา มีทางเดินไปสะพานแขวน (ตำแหน่งที่ 2 ในแผนที่) ยืนถ่ายรูปแถวนี้วิวดีมากครับ


มองไปด้านขวาจะเห็นสะพานแขวนอีกแห่งไปยังร้านอาหาร ดูบรรยากาศดีจัง


ว่าแล้วก็เดินเนียนๆ ตามคนข้างหน้าไปดีกว่า 555+ (มุมนี้คือเดินกลับครับ)


ก่อนจะไปที่อื่นต่อ ก็ขอเก็บภาพตัวเองกับสภานที่ไว้เป็นที่ละลึกซัก 1 ภาพ 555+


ในแม่น้ำ Xong มีนักท่องเที่ยวที่กำลังพาย "เรือคายัก" มาถึงเมืองวังเวียง  (อยากไปพายบ้างจัง 55+)


เดินออกมาซักหน่อย ในตำแหน่งหมายเลข 3 บนแผนที่ จะมีร้านขายเบอร์เกอร์และแซนวิส มากมาย


ก็ชักจะหิวเหมือนกัน เลยสั่งแม่ค้าไป 1 ชิ้น


ได้แล้วครับ หน้าตาประมาณนี้ ในราคา 30,000 กีบ (ใส่ทุกอย่าง 555+) อร่อยดีครับ


จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงสะพานอีกจุด สะพานนี้รถข้ามได้ด้วยครับ (หมายเลข 4 ในแผนที่)


มาถึงจุดนี้ พระอาทิตย์ตกไปแล้ว หรือบังภูเขาด้านหลังในรูปไปแล้ว คือผมชอบวิวนี้มากครับ ความสลับซับซ้อนของภูเขาด้านหลัง ตัดด้วยสายน้ำไหลเอื่อยๆ ของแม่น้ำ Xong อากาศก็เริ่มเย็น คือฟิลล์ครับ 


อีกมุมครับ (ุถ่ายบนสะพาน)


Selfie เก็บไว้เสียหน่อย (ชอบๆ 555+)


เดินข้ามสะพานไปหน่อย มีลานกว้าง แสงเริ่มจะหมดแล้ว ถ่ายภาพในมุมสลัวๆ ก็ให้บรรยากาศน่าค้นหาดีครับ 


อยากเอาตัวเองไปอยู่ในภาพเสียหน่อย เรียกเพื่อนมาถ่ายให้ (มีเพื่อนไปด้วยก็ดีแบบนี้ มีคนถ่ายรูปให้ 555+)


จากนั้นก็เดินกลับมาวังโซนมหาชนบริเวณหมายเลข 5 ในแผนที่ มีร้านหนึ่งเหมือนเป็นผับ แอบน่าสนใจ เดี๋ยวต้องมาจัดซักวัน 555+


เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านขนมเค๊ก "หลวงพระบางเบเกอรี่" คนเยอะดี น่าสนใจ นั่งพักเหนื่อยหน่อยดีกว่า


ว่าแล้วก็สั่ง "เค้ก" กับ "เบียร์ลาว" มากิน (มันเข้ากันไหมนั่น 555+)


นั่งอยู่นี่ไปซักพัก คนเริ่มเดินผ่านไปผ่านมาเยอะขึ้น อ่าวหน้าตาคุ้นๆ นี่นา


เจอกับกลุ่มน้องๆ 4 คน ที่ร่วมชะตากรรมกันมาตั้งแต่ด่านผ่านแดน และแล้วเราก็รวมโต๊ะกัน วางแผนเที่ยวไปด้วยกัน 555+


 ออกจากร้านขนม (ที่มีเบียร์ขายด้วย 555+) ไปต่อยังร้านขายทัวร์ เพื่อซื้อแบบ One day trip 


ตกลงราคาเสร็จสับ ได้แบบ One day trip ในราคา 110,000 กีบ/คน 


จากนั้นก็แยกย้านกันกลับไปพักผ่อนยังที่พักของใครของมัน (วันนี้พวกเราเจอกันมาหนัก 555+) ส่วนผมนั้น แวะเข้าซุปเปอร์มาเก็ต ขอก่อนนอนซัก 1 กระป๋องคงหลับฝันดี >-<


***** จบคืนที่ 2 *****

--------------------------------

วันที่ 3 (วันอาทิตย์)

วันที่ 3 (วันอาทิตย์) วันนี้เราต้องไปตาม One day trip ที่ได้ซื้อไว้ แต่กว่ารถจะมารับก็สายๆ ดังนั้นพอมีเวลา ทางที่พักมีอาหารเช้า วันนี้ผมลองเลือกสั่ง "ข้าวต้ม" ดู ระหว่างรอ ก็ออกมาดูบรรยากาศจุดรับประทานอาหารของที่พักที่เป็นระเบียงยื่นออกมา วิวมุมภูเขาทางทิศตะวันตก ยังไงผมก็ว่าสวยที่สุดเลยครับ 555+ เหมือนอยู่ในหนังจีนกำลังภายในพวก "ซูซัน" อะไรเทือกนั้น 555+ 


ที่พักบังกะโลเป็นหลังๆ ก็น่าสนใจนะครับ แต่ราคาแอบแพงไปหน่อย ผมไม่ซีเรียส เอาแค่พอนอนได้ก็พอ 555+


มองเยื่องไปทางซ้ายหน่อยก็จะเห็นสะพานแขวนที่ไปเดินตามสาวเมื่อวาน (ไม่ใช่สิ 555+) 


ไม่นานนัก "ข้าวต้ม" ที่สั่งไว้ก็มาแล้วครับ อร่อยดีครับ มีถั่วงอกให้ใส่ด้วย บ้านเราไม่มีแบบนี้ 555+ กินเสร็จก็ไปอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว เตรียมตัวไปรอรถมารับครับ


เมื่อถึงเวลา 9:00 น. ก็มีรถมารับแล้วครับ เป็นรถคล้ายรถสองแถวบ้านเรา ให้เรานั่งให้เรียบร้อย พร้อมใส่เสื้อชูชีพแบบในรูปด้านล่าง (ขอบคุณน้องนัทช่างภาพด้วยครับ) แล้วลูกพี่โชเฟอร์ก็เหยียบซะฝุ่นตลบอบอวนเอาเรื่องเหมือนกันครับ 555+


ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็ปล่อยพวกเราลงจุดแรกครับ ทุกคนยัง OK กันอยู่ ขออีกซักภาพ


จุดที่เราลงรถ เป็นจุดปล่อยเรือคายัคด้วย ตอนแรกเข้าใจว่าเขาจะให้เราเริ่มพายเรือกันที่นี้ 


แต่ไม่ใช่ครับ ของเราเป็นจุดอื่น ก็เลยได้แต่มองดูกลุ่มอื่นเขาไป 555+


มีบางกลุ่มไหลตามน้ำมาจากที่อื่นด้วยครับ แสดงว่ามีจุดปล่อยหลายจุดจริงๆ 


ส่วนเราต้องเดินข้ามสะพานแขวนไปอีกฝั่งเพื่อไปดูถ้ำก่อนครับ ระหว่างเดินข้ามสะพานเลยถ่าย เรือสองลำเมื่อครู่ ที่กำลังล่องไปตามน้ำผ่านสะพานไป น้ำก็ไหลเอื่อยๆ ครับ ต้นหนาวก็แบบนี้ 555+


ตัวสะพาน มั่นคงแข็งแรงครับ ไหนๆ ก็มีเพื่อนแล้ว ถ่ายรูปให้เราหน่อยยยย 555+ คือสภาพพร้อมเปียกแล้ว


แต่เรายังไม่ได้เปียกด้วยน้ำครับ แต่จะเปียกด้วยเหงือตัวเองแทน เพราะเราต้องเดินทางไกลเกือบกิโลไปยัง "ถ้ำน้ำลอด" ตามเส้นสีส้มในแผนที่เลยครับ 555+


ออกเดินทางเป็นขบวนยาว นึกว่าขบวน "ลูกเสือเดินทางไกล"  555+


มีต้องข้ามสิ่งกีดขวางด้วยนะครับ ไม่ธรรมดา >-<


และก็ยังต้องเดินต่อไป ดีที่ธรรมชาติ บรรยากาศดี (ให้อภัย 555+)


เป็นวิวภูเขากับทุ่งนา กำลังรอเก็บเกี่ยว แต่รูปข้างล่างเป็นแปลงที่เก็บเกี่ยวแล้ว


พวกเราก็ยังเดินกันต่อไปครับ (ครึ่งทางรึยังก็ไม่รู้ 5555+)


ยังครับ ยังไม่ถึง เดินไปอีกครับ ควรเตรียมน้ำมาไว้ดื่มระหว่างทางเหมือนเพื่อนผมด้วยนะครับ 555+


สุดท้ายก็มาถึงครับ ชูชีพก็ถอดเถอะครับ มันร้อนมาก 555+ สภาพหลังจากเดินทางไกล


แต่กลุ่มอื่นเขาไม่ถอดกันนะครับ นั่งรอเตรียมรอเรียกเข้าถ้ำครับ


ระหว่างรอ เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าค่อนข้างนาน วันนี้คนแอบเยอะ พวกเราเลยออกไปหาเดินเล่นชมบรรยากาศ ลำธารนี้ น้ำไหลออกมาจากถ้ำตามรูปข้างล่างครับ จุดที่คนไปออกันเยอะๆ นั่นแหล่ะครับ


ส่วนด้านบนมีเล่น Zipline กันด้วย ยาวและหลายชั้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกผมไม่ได้เล่นเลยไม่ได้ถามราคาครับ ในรูปข้างล่างคนที่กำลังเล่นอยู่จะอยู่ในวงสีเหลืองครับ 555+


ระหว่างรอ พวกน้องๆ ก็ไปหามุมถ่ายรูป


ส่วนเพื่อนผมก็ยืน "เก๊ก" รอให้ผมถ่ายรูปให้อยู่ 555+


เดี๋ยวเสียเปรียบ ถ่ายเราบ้างสิเพื่อน 555+


ขอ 2 รูปเลยนะ ระหว่างนั้น "ห่วงยาง" ข้างหน้าผมเริ่มว่าง


ไม่รอช้า คณะเราก็จัดไป 555+


ถ่ายรูปหมู่จุดนี้ไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย (ขอบคุณน้องพลอย มือ Selfie ขั้นเทพของทริปนี้ >-<)


และแล้วก็ได้เวลาเข้าถ้ำแล้วครับ ก็ต้องกลับไปใส่เสื้อชูชีพ ติดไฟฉายไว้ที่หัวแล้วก็ลงนั่งห่วงยางจับเชือกไปตามคิวแบบนี้ครับ


จะมีคนคอยช่วยจากปากถ้ำจนเข้าไปด้านในแบบในรูปครับ ด้านในมืดมาก ไฟฉายที่หัวจึงมีประโยชน์ครับ เอาไว้ส่องดูถ้ำ (เอาจริงๆ ผมไม่ได้ดูอะไรเท่าไหร่ มัวตื่นเต้นอยู่ ไม่นานก็ออกมาแล้ว 555+)

(2 รูปด้านบนผมไปยืมจาก Google map มานะครับ ถึงเวลาจริงถ่ายไม่ได้ 555+)

เสร็จจากดู "ถ้ำน้ำลอด" แล้วก็ได้เวลาอาหารครับ มีข้าวให้กินตรงจุดที่พักตอนมาถึงครับ กินเสร็จแล้วก็ไม่ต้องกลัวอ้วนครับ ต้องเดินย่อยกลับทางเดิม 555+ เพราะต้องกลับมาขึ้นรถที่จุดเดิมตอนลง จากนั้นรถก็พาเราไปยังจุดปล่อยเรือคายัคของกลุ่มเราครับ มาถึงแล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเสียหน่อย (มีเพื่อนมาด้วยนี่ก็ดีแบบนี้) 555+ 


ถ่ายรูปหมู่กันบ้าง (ขอบคุณน้องพลอย มือ Selfie ของเราเช่นเคย)


และแล้วพันธมิตรแห่งแหวนก็ได้ล่องเรือออกไปยังริเวนเดล (ไม่ใช่แล้วครับ นั่นมัน The load of the ring 555+)


บรรยากาศสองข้าง "แม่น้ำซอง" สวยงามและสดชื่นมากครับ ตลอดทาง พายกันหลายกิโลพอสมควรครับ จนมาขึ้นฝั่งกันที่เมืองวังเวียง จุดที่ผมเห็นเขาขึ้นกันเมื่อวานนั้นแหล่ะครับ  เอาจริงๆ ผมว่าอันนี้ OK ที่สุดเลยสำหรับทริปนี้ ผมกลัวโทรศัพท์ตกน้ำเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลย 555+


เมื่อขึ้นจากเรือเสร็จ ก็ไปขึ้นรถต่อครับ นั่งไปซักพักใหญ่ก็มาถึงไฮไลท์อีกจุดครับ "Blue Lagoon" นั่นเอง น้ำเป็นสีฟ้าอมเขียว สวยดีครับ มีจุดให้เล่นน้ำเยอะพอสมควร ไฮไลท์คือไปกระโดดจากต้นไม้ในรูปข้างล่างนั่นแหล่ะครับ แต่ผมไม่ได้ไปกระโดดนะ 555+


จากจุดกระโดดน้ำก็จะมีลำธารที่สามารถลงเล่นน้ำได้ช่วงระยะหนึ่งเลยครับ สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกจุดเลย บริเวณนี้ 
(วันผมไปคนเยอะมาก เลยไปยืมรูปจาก Pantip มา 2 รูปตามเครดิตครับผม)


มาถึงพวกเราก็แทบไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรกัน กระโดดลงน้ำกันเลยครับ อยากจะบอกว่าหนาวมาก 555+


เย็นสะบาย หนาวแค่นี้ชิลล์ๆ (รู้สึกว่าทำไมเราถ่ายแล้วไม่เขียวเหมือนชาวบ้าน 555+)


ผมขอลงไปเล่นบ้าง เพื่อนคุณกลับขึ้นมาถ่ายรูปครับ 555+


เริ่มรู้สึกว่ากลุ่มเราจะเสียงดังหรือดูสนุกกันเกินไปหรือเปล่าไม่รู้ เพราะช่วงหลังๆ คนมองเยอะมาก 555+ 


บริเวณจุดเล่นน้ำมีสไลเดอร์ให้เล่นด้วยครับ ข้างซ้ายมือของผมในรูปข้างล่างครับ


เล่นน้ำกันไปซักพักใหญ่ๆ คณะเราก็เตรียมตัวกันกลับวังเวียงแล้วครับ ขณะขึ้นรถกลับ ทุกคนเหมือนจะหมดสภาพกันเลยทีเดียว รวมทั้งผมด้วย เลยไม่มีซักภาพ 555+

หลังจากแยกย้ายกลับที่พัก อาบน้ำ พักผ่อนกันซักหน่อย ประมาณสองทุ่มเราก็ต้องมาร้านที่ต้องใจไว้ตั้งแต่วันแรก นั้นคือ "Sakara Bar" นั้นเองครับ ร้านนี้ดังมากนะครับที่นี้


ผ่านซุ้มประตูเข้าไป คนเริ่มเยอะเหมือนกันครับ คงต้องหาที่นั่งจับจองแล้วพวกเรา


ไม่นานก็คณะเราก็ได้ที่นั่ง แจมๆ กับฝรั่งแถวๆ นั้นครับ เมื่อได้ที่นั่งแล้วก็สั่งเครื่องดื่มสิครับ "เบียร์ลาว" นั่นเอง 555+ 


Selfie กันเอาบรรยากาศเสียหน่อย (ขอบคุณมือ Selfie ของเราเช่นเคย) สังเกตไหมครับ คนไม่ครบ เพราะเพื่อนผมไม่ฟื้นครับ นอนหลับอย่างสงบที่ห้องครับ  555+ 


บรรยากาศ และแสงสีในร้านครับ


ยิ่งดึกผู้คนก็เริ่มเยอะขึ้นครับ


ผมก็ขอ Selfie ตัวเองกับบรรยากาศในร้านหน่อย แต่เหมือนมือสั่น ออกมาแล้วดูดี งั้นเอารูปนี้ 555+


หลังจากนั้นก็ได้เวลาสมควร กลับกันดีกว่า ระหว่างทางกลับเกิดหิวขึ้นมา ก็แวะหาของกินตามเส้นทางได้ครับ


ถึงที่พักของใครของมัน อาบน้ำนอนกันดีกว่าครับ ใช้พลังงานไปเยอะมากกับวันนี้ หัวถึงหมอนสลบเป็นตายเลยครับ 555+

**** จบคืนที่ 3 ****

--------------------------------

วันที่ 4 (วันจันทร์)

วันสุดท้าย (วันจันทร์) วันนี้ตื่นสายได้หน่อย ไม่ต้องรีบครับ เพราะเราไม่มีแผนไปไหน รอนั่งรถกลับประเทศไทยอย่างเดียว ตื่นนอน อาบน้ำเสร็จผมก็ลงมาสั่งอาหารเช้ากิน วันนี้เปลี่ยนแนวเป็นอาหารฝรั่งดีกว่า ได้ตามรูปครับ 555+ กินเสร็จแล้วก็ขึ้นไปเก็บของ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วก็มาเช็คเอ้าค์ จากนั้นก็รอรถที่เหมาไว้จะมารับ 


ขากลับกลับพร้อมกับแก๊งค์เดิมตอนขามาครับ แต่คราวนี้มีแค่ 8 คน น้องๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกัน 4 คน กับกลุ่มพี่อีก 2 คน (น้องอีก 2 คน อยู่ต่อ) ได้ราคา 800,000 กีบ หรือประมาณ 3,200 บาท ได้รถเหมือนกับตอนมา แต่คราวนี้นั่งสบายกันกว่า มาถึงถึงด่านเลย จากนั้นพวกผมก็เหมารถต่อมาจากด่านถึงอุดรฯ คนละ 100 บาท เนื่องจากทุกคนไฟท์หลัง 1 ทุ่มกันหมด ตอนนี้ก็ประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ เลยให้พี่เขาขับมาส่งที่วัดโพธิสมภรณ์  ในตัวเมืองอุดรครับ ใกล้ร้าน VT แหนมเนืองด้วย เดี๋ยวเดินไปกินกันต่อได้



ขึ้นไปไหว้ และก็ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธีครับ 


จากนั้นก็เดินไปร้าน VT แหนมเนืองสาขาใหญ่ จัดชุดใหญ่กันไป ระหว่างรอเวลาไปสนามบินกัน


อิ่มกันได้ที่ ได้เวลาพอดี ไปเตรียมตัวกันสนามบินดีกว่า ก็เหมารถสามล้อจากร้าน VT ไปสนามบินกันครับ (ผมจำราคาไม่ได้ แต่ไม่แพงครับ)


นั่งกัน 2 คันๆ ละ 4 คน เฟี้ยวฟ้าวได้ใจอยู่เหมือนกัน ตามรูปด้านล่างเลย 555+


และแล้วก็มาถึงสนามบินกัน ถึงเวลาต้องแยกย้ายกันจริงจังแล้ว ก็แอบใจหายอยู่เหมือนกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ถึงจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ  (มีดึงดราม่า  555+)  ก็แลกเบอร์แลกไลน์กันไว้ เผื่ออนาคตได้เจอกันอีก ผมก็แยกจากเพื่อน รู้สึกไม่มีใครมานกแอร์กับเราเลย 555+ กลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

****จบการเดินทาง****

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    1. ค่าเครื่องบิน ดอนเมือง-อุดรธานี (ไป-กลับ) จองตอนโปรโมชั่น ประมาณ 1,200 บาท
    2. ค่ารถตู้จากสนามบินอุดรฯ ไป โรงแรมเจริญ 80 บาท
    3. ค่าโรงแรมเจริญ (จองผ่าน Agoda โปรโมชั่น)  ประมาณ 800 บาท หารกับเพื่อนตกคนละ ประมาณ 400 บาท
    4. ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม มื้อแรกที่อุดร หารกับเพื่อนตกคนละ ประมาณ 200 บาท
    5. ค่าเหมารถสามล้อเครื่องไป คิวรถตู้หนองคาย ประมาณ 50 บาท
    6. ค่ารถตู้อุดร-หนองคาย เจอพี่ใจดีขับไปส่งถึงสะพานเลย ราคา  50 บาท
    7. ค่าเหมารถตู้จากด่านไปวังเวียงก่อนจะโดนเท 3,500 บาท หารกัน 10 คน ตกคนละ  350 บาท (ก่อนจะกลายมาเป็นรถแวนในราคานี้ 555+)
    8. ค่าที่พักที่วังเวียง  (จองผ่าน Agoda โปรโมชั่น)  คืนละประมาณ 600 บาท (หารกับเพื่อนออกคนละวัน)
    9. ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม+ของกินเล่น วันที่ 1 หมดไปประมาณ 100,000 กีบ เป็นเงินไทยประมาณ 375 บาท
    10. ซื้อทัวร์ One day Trip 110,000 กีบ เป็นเงินไทยประมาณ 400 บาท
    11. ซื้อของกินเล่นระหว่างทัวร์ One day Trip หมดไปประมาณ 50,000 กีบ เป็นเงินไทยประมาณ 185 บาท
    12. อาหารเย็น+เครื่องดื่มใน Sakura Bar หมดไปประมาณ 100,000 กีบ เป็นเงินไทยประมาณ 375 บาท
    13. เหมารถจากวังเวียงกลับด่านเวียงจันทน์ 800,000 กีบ หาร 8 ตกต่อคนเป็นเงินไทยประมาณ 400 บาท
    14. เหมารถตู้จากสะพานมิตรภาพไปอุดร ตกคนละ 100 บาท
    15. แหนมเนืองวีที (ผมจำราคาไม่ได้) แต่ไม่น่าเกิน คนละ  200 บาท
    16. เหมาสามล้อเครื่องจาก VT ไปส่งสนามบิน ตกคนละ 50 บาท
รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ทั้งหมด อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท

**********


ทริปนี้ ถือได้ว่า สนุก ครบรส อีกทริปของผมเลยครับ นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ ได้มิตรภาพ ลำบากด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน 555+ บางทีการที่เรามากันหลายคนอาจจะมีโอกาสน้อยมากที่จะพบเจอแบบนี้ครับ หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของผม คงพอมีประโยชน์กับท่านที่สนใจวังเวียงบ้างนะครับ

เจอกันใหม่ บทความถัดไป >> "ปางอุ๋ง-ปาย ฤดูหนาว" << ครับ



หากเห็นว่า Blog นี้มีประโยชน์ รบกวนช่วยสนับสนุนผ่านช่องทางเหล่านี้ด้วยครับ
------------------------------------------------------------------------------------

จองโรงแรมที่พักกับ AGODA
------------------------------------------------------------------------------------

จองตั๋วเครื่องบินท่องเที่ยวกับสายการบินนกแอร์

------------------------------------------------------------------------------------

จองตั๋วรถทัวร์ รถไฟ เรือท่องเที่ยวกับ BusOmlineTicket


------------------------------------------------------------------------------------

ซื้อประกันการเดินทางราคาถูกกับ TQM


------------------------------------------------------------------------------------

เตรียมของก่อนออกเดินทางกับ Lazada


------------------------------------------------------------------------------------

เตรียมของก่อนออกเดินทางกับ Shopee


------------------------------------------------------------------------------------

สั่งสินค้าปลอดภาษีกับ King Power


------------------------------------------------------------------------------------

ซื้อหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวกับ SE-ED BOOK


------------------------------------------------------------------------------------

สมัครบัตรเครดิตไว้ใช้ท่องเที่ยว KTC



4 ความคิดเห็น:

  1. รีวิวได้ดีมากๆค่ะละเอียดทุกขั้นตอน เหมือนได้อ่านบันทึกของเพื่อนเลย

    ตอบลบ
  2. เขียนดีเหมือนกันน้าเนี่ยยย

    ตอบลบ